เหล็ก T เหล็ก non T
- บ้านสวนสบาย
- 15 เม.ย.
- ยาว 1 นาที
สำหรับเหล็กข้ออ้อยที่มีเครื่องหมาย " T " ( ที ) ประทับนูนบนเส้นเหล็ก ซึ่งเครื่องหมาย T อาจประทับต่อท้ายเกรดของเหล็กเส้น เช่น SD40T, SD50T ( T ต่อท้าย SD40, SD50 ) หรือประทับเครื่องหมาย T แยกออกมาตะหากก็ตาม
เหล็ก T เหล็ก non T หรือ เหล็กเส้น ที กับ ไม่ที คืออะไร ?
เหล็ก T จะหมายถึงเหล็กข้ออ้อยที่ผ่านกรรมวิธี Heat Treatment Rebar หรือ Thermal Mechanical Treatment ซึ่งก็คือการนำเหล็กมาทำให้เย็นลงด้วยการสเปร์ยพ่นน้ำ วิธีการนี้จะทำให้ที่ผิวของเหล็กแข็งกว่าด้านใน ส่วนเหล็ก non T จะปล่อยให้เหล็กเย็นตัวลงเองตามธรรมชาติ จึงทำให้มีความแข็งแรงของเนื้อเหล็กเท่ากันตลอดทั้งหน้าตัด และเหล็ก non T ยังมีการเพิ่มค่าเคมี เช่น คาร์บอน หรือ แมงกานีส ในขั้นตอนการหลอม เพิ่อเพิ่มความแข็งแรง
มอก.24–2559 (เหล็กเส้นข้ออ้อย) ได้กำหนดให้ผู้ผลิตเหล็กเส้นใส่สัญลักษณ์ T เป็นตัวนูนบนเนื้อเหล็กและบนป้ายสินค้าด้วย เพื่อแสดงวิธีการผลิตเหล็กเส้นให้ผู้บริโภคทราบ ถ้าเป็นเหล็กที่ผ่านกรรมวิธี Heat Treatment Rebar หรือ Thermal Mechanical Treatment
ข้อดี ข้อเสีย ข้อแตกต่าง ข้อควรระวัง ของเหล็กเส้นที่มีเครื่องหมาย T และ non T
เหล็กข้ออ้อย T มีคุณสมบัติทางกล คือ กำลังดึง ความยืด และการดัดโค้ง ไม่แตกต่างจากเหล็กข้ออ้อยปกติ non T เนื่องจากผ่านคุณสมบัติทางกลตามมาตรฐานที่ มอก.กำหนดไว้เหมือนกัน
เนื่องจากเหล็กข้ออ้อย T ผิวมีความแข็งกว่าด้านใน จึงควรหลีกเลี่ยงการกลึงหรือลดขนาดเหล็กก่อนนํามาทดสอบ หรือนำมาใช้งาน
เหล็กข้ออ้อย T สามารถนำมาต่อกันด้วยวิธีการเชื่อม( Welding )ได้ง่ายกว่า ( วสท. กำหนดให้เหล็กที่ใหญ่กว่า 36 มม. ต้องต่อกันด้วยวิธีเชื่อม ( Welding )หรือใช้ข้อต่อทางกล ( Mechanical coupler ) เท่านั้น ห้ามทาบ ) เนื่องจากมีธาตุผสมน้อยกว่า ทั้งนี้ควรมีการบ่มทั้งก่อนและหลังเชื่อมเพื่อป้องกันการเกิดรอยร้าวที่จุดเชื่อมด้วย
เหล็กข้ออ้อย T สามารถนำมาต่อกันด้วยวิธีการใช้ข้อต่อทางกล ( Mechanical coupler ) ได้ดีเหมือนกันกับเหล็กข้ออ้อย non T ถ้าใช้วิธีการคำนวนเพื่อระยะเกลียวที่สั้นที่สุดเพื่อความแข็งแรง หรือใช้ระบบ Soft cold forging
เหล็กข้ออ้อย T และเหล็กข้ออ้อย non T มีความทนทานต่อไฟไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจุบันการก่อสร้างหน่วยงานราชการอนุญาตให้ใช้เหล็กที่มีเครื่องหมาย " T " ยกเว้นกรมทางหลาง เนื่องจากกรมทางหลวงกังวลว่าเหล็กที่มีการทำ Heat Treatment Rebar จะมีการล้า ( Fastigue ) ซึ่งอาจจะมีผลต่องานก่อสร้างถนน งานสะพาน และงานเขื่อน

